นวัตกรรมปลูกผม PRP คืออะไร ทำไมคนหัวล้านห้ามพลาด
สารบัญของบทความ
PRP คือ เทคนิคการปลูกผมแบบฉีดลงหนังศีรษะ โดยใช้เกล็ดเลือดที่ปั่นแยกออกมาจากเลือดของเราเอง ซึ่งนวัตกรรมแก้ผมร่วงแบบ PRP (Platelet Rich Plasma) กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะปลอดภัย ความเสี่ยงของการแพ้ต่ำ และช่วยให้ผมหนาได้จริง
นอกจากนี้นวัตกรรมแก้หัวล้านแบบ PRP ยังสามารถลดปัญหาผมเส้นเล็ก หรือรากผมอ่อนแอได้อย่างตรงจุดด้วย แถมยังถูกนำมาใช้รักษากับผู้ที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อม รวมไปถึงคนที่ต้องการมีผิวหน้ากระชับ ก็สามารถใช้นวัตกรรม PRP ฉีดเข้าใบหน้าได้ด้วย
เพราะในเกล็ดเลือดของเราที่ถูกแยกออกมาจากการปั่นในเครื่องปั่นเกล็ดเลือด อุดมไปด้วย “โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor)” หรือสารอาหารของเซลล์ในร่างกาย ทำให้การทำ PRP จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
Growth Factor สารสำคัญในการทำ “PRP ”
โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) หรือสารกระตุ้นให้เซลล์เติบโตได้อย่างแข็งแรง เป็นสารธรรมชาติที่ได้จากเซลล์หลายส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเซลล์เม็ดเลือดขาว หรือเซลล์ผิวหนัง ซึ่งมีความสำคัญอย่างมากในการทำ PRP
เพราะในโกรทแฟคเตอร์อุดมไปด้วยสารที่จำเป็นหลากชนิด เช่น ไซโตไคน์ (Cytokine), ฮอร์โมน (Hormone) และอินเตอร์ลิวคิน (Interleukin) ซึ่งเป็นกลุ่มโปรตีนช่วยลดการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย จึงทำให้ PRP ไม่ได้ถูกใช้ในวงการศัลยกรรมความงามเพียงอย่างเดียว แต่ยังถูกใช้ในวงการกีฬา เพื่อสมานแผล และลดความเสียหายของกล้ามเนื้อ
นอกจากนี้สาร “โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor)” ในการทำ PRP ยังได้รับการรับรองจากงานวิจัยว่า ไม่เพียงแค่ช่วยกระชับรูขุมขน ลดการอับเสบของกล้ามเนื้อ หรือซ่อมแซมเซลล์ แต่ยังช่วยลดปัญหาผมร่วง หัวล้าน ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
PRP แก้หัวล้านได้อย่างไร ?
ปัญหาผมร่วงนั้นจะเพิ่มขึ้น เมื่อเราอายุเพิ่มขึ้น ยิ่งถ้าเรามีปัญหาผมเส้นเล็ก ผมบางจากกรรมพันธุ์อยู่แล้ว จะยิ่งทำให้เสี่ยงหัวล้านได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ ดังนั้น ถ้าต้องการแก้ปัญหาเรื่องเส้นผมด้วยการทำ PRP ควรมีความเข้าใจก่อน ว่านวัตกรรมนี้จะช่วยหยุดทุกปัญหาได้อย่างไร และต้องดูแลรักษาอย่างไรหลังการทำ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
โดยการทำ PRP เพื่อปลูกผมให้ดกหนา จะเป็นการเสริมสร้างความแแข็งแรงให้กับกลุ่มเซลล์ใต้รูขุมขน (Dermal papilla) ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของรากผมให้สมบูรณ์ตั้งแต่ระยะเริ่มงอก
ทำให้เส้นผมอวบอ้วน เติบโตได้อย่างเงางามเสมือนกับหมักเคราตินให้ผม และไม่หลุดร่วงง่าย ซึ่งการทำ PRP ต้องทำอย่างน้อยเดือน 1 – 3 ครั้ง จึงจะเห็นผลลัพธ์อย่างชัดเจน
- เดือน 1 หลังจากการปลูกผมด้วยวิธี PRP “รากผมได้รับการบำรุง”
- เดือน 3 หลังจากทำ PRP อย่างต่อเนื่อง จะสังเกตได้ว่า “ผมที่งอกใหม่ เส้นใหญ่ขึ้น”
- เดือน 6 เส้นผมแข็งแรง ดกหนาอย่างชัดเจน และขาดร่วงน้อยลง
หลังจากการทำ PRP ทันที อาจมีอาการชา และแสบหนังศีรษะเล็กน้อย ประมาณ15 – 20 นาทีอาการเหล่านี้ก็จะหายไป แต่ถ้ามีรู้สึกเจ็บ หรือระบมศีรษะ แพทย์ก็จะแนะนำให้ทานยาแก้ปวด
ขั้นตอนการรักษาผมร่วง PRP (Platelet Rich Plasma)
ก่อนการรักษาผมร่วงด้วยวิธี PRP ต้องมีการเตรียมตัวเล็กน้อยเพื่อให้เลือดของเราสมบูรณ์ที่สุด เช่น ไม่ทานอาหารที่ไขมันสูง พักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มแอลกอฮอร์ และต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ ซึ่งขั้นตอนการปลูกผมแบบ PRP มีดังนี้
- แพทย์จะเจาะเลือดจากผู้เข้ารักษาประมาณ 100 มิลลิลิตร
- เติมสารให้เลือดแข็งตัว และนำไปปั่นในเครื่องหมุนเหวี่ยง (Centrifuge)
- จะได้เกล็ดเลือดเข้มข้น หรือ PRP ที่มีปริมาณโกรทแฟคเตอร์สูง
- ฉีดยาชาลงบริเวณหนังศีรษะ และรอให้ยาชาออกฤทธิ์
- แพทย์จะฉีด PRP เข้าหนังศีรษะบริเวณที่มีปัญหา หรือผมร่วง
จากขั้นตอนของการทำ PRP จนจบกระบวนการ จะใช้เวลาทำประมาณ 1 ถึง 2 ชั่วโมงต่อครั้ง และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน ควรเข้ารับการรักษาด้วย PRP อย่างน้อยเดือนละ 1 – 3 ครั้ง
ปลูกผมแบบ PRP มีข้อจำกัดอะไรบ้าง ?
สำหรับการปลูกผมแบบ PRP หลายคนอาจกังวลว่าถ้าทำแล้วจะได้ผล 100 % ไหม ความจริงแล้วผลลัพธ์ของแต่ละบุคคลมักแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลังจากทำ PRP และแม้ว่านวัตกรรมแก้หัวล้านชนิดนี้จะมีประโยชน์มาก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ดังนี้
- 🕑PRP อาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีกิจวัตรประจำวันเร่งรีบ เพราะต้องพบแพทย์บ่อยครั้ง และควรรักษาอย่างต่อเนื่อง เพราะวงจรเส้นผมต้องใช้เวลาในการเติบโตถึง 4 เดือน จึงจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนได้
- ❌การปลูกผมด้วยนวัตกรรม PRP ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคโลหิตจาง ผู้ป่วยติดเชื้อ ผู้ที่เป็นชันนะตุ หรือกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง
- 👦ห้ามสระผม หรือโดนน้ำหลังทำอย่างน้อย 4 – 6 ชั่วโมง ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดหลังทำ PRP และไม่ควรจัดแต่งทรงผมอย่างน้อย 1 – 2 วัน
- 🍻ก่อน และหลังการรักษาผมร่วงแบบ PRP ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมไปถึงการสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้หลอดเลือดตีบ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก และยากต่อการงอกใหม่ของเส้นผม
- 😮การปลูกผมแบบ PRP ช่วยให้ผมหนาขึ้นได้จริง เพราะกลุ่มเซลล์ใต้รูขุมขนได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึก แต่สำหรับคนที่หัวล้านเกรียนจนผมงอกขึ้นไม่ได้แล้ว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ เพราะอาจไม่เหมาะกับการทำ PRP
แม้ว่านวัตกรรม PRP จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน อีกทั้งยังต้องเข้ารับการรักษาหลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนด้วย
สรุป
นวัตกรรม PRP (Platelet Rich Plasma) คือการช่วยลดหัวล้านได้ด้วยการฉีดเกล็ดเลือดที่อุดมไปด้วยโกรทแฟคเตอร์ลงบนหนังศีรษะ ซึ่งวิธีนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 6 – 12 เดือนเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน และมีข้อจำกัดหลายอย่าง ถ้าหนุ่ม ๆ คนไหนอยากผมหนาด้วยนวัตกรรมแก้ผมร่วงแบบ PRP ควรศึกษาข้อจำกัดอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำนะคะ อ่านเคล็ดลับแก้ผมร่วงแบบง่าย คลิกเลย